เวลา 11.30 น.26 พฤศจิกายน 2554 พ.ต.ท.สมบูรณ์ สีแดง สารวัตรเวรสภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งเหตุผู้ถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 279/4 ม.5 ต.อรัญญิก อ.เมืองพิษณุโลก บริเวณหลังวัดสระสี่เหลี่ยม ตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวรพบผู้ถูกยิงเสียชีวิตชื่อนางสมบัติ โฉมแดง อายุ 43 ปี ยิงด้วยปืนลูกซองยาวเข้ากลางหลัง กระสุนฝังใน นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่บริเวณชั้นสองของตัวบ้าน
ส่วนผู้ก่อเหตุชื่อนายสุดใจ โฉมแดง อายุ 49 ปี สามีของผู้เสียชีวิต ที่รอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้รับบาดเจ็บบริเวณลำคอ เนื่องจากพยายามใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าว ยิงตัวเอง แต่มีน้องสาวของผู้ก่อเหตุ มาแย่งปืนไว้ ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก ญาติช่วยเก็บรักษาไว้ กระสุนปืนลูกซองจำนวนหนึ่ง ขณะที่บนบ้านพัก พบปลอกกระสุนปืนลูกซองตกอยู่ 1 ปลอก เป็นขนาดเบอร์ 12 และพบอาวุธมีดที่ผู้ก่อเหตุพยายามใช้ฆ่าตัวตายตกอยู่บนบ้าน 1 เล่ม
สอบสวนญาติของผู้ก่อเหตุทราบว่า นายสุดใจและนางสมบัติ อยู่กินกันมานานแล้ว มีลูกด้วยกัน 3 คน นายสมบัติเดิมประกอบอาชีพรับเหมาก่อสร้าง แต่ระยะหลังป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ เจ็บป่วยมาก ไม่สามารถทำงานรับจ้างเหมือนเดิมได้ และเริ่มมีปัญหาครอบครัวกันมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นางสุดใจ ได้เดินทางไปทำงานขายข้าวที่ตลาดพัทยาระยะหนึ่ง ทำให้นายสมบัติเพิ่มความเครียดไปใหญ่ และก่อนที่จะก่อเหตุสลดครั้งนี้ ทั้งคู่ตกลงจะแยกทางกัน จะนัดหย่าและแบ่งโอนทรัพย์สินกัน ญาติได้พยายามปลอบให้นายสุดใจใจเย็น ๆ และเช้าวันที่ 26 พฤศจิกายน นางสมบัติก็เดินทางมาที่บ้านพัก กระทั่งอยู่กันตามลำพังสองคน นายสุดใจ ได้ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงนางสมบัติจนเสียชีวิต และพยายามที่จะใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวยิงตัวเองตายตาม กระทั่งน.ส.ปาริฉัตร โฉมแดง น้องสาวของนายสุดใจที่อยู่ใกล้ ๆ มาช่วยแย่งอาวุธปืนไว้ได้ ทำให้กระสุนเข้าไปที่คอนายสมบัติได้รับบาดเจ็บ และยังพยายามที่จะใช้มีดปอกผลไม้ทำร้ายตัวเองต่อไป กระทั่งญาติมาช่วยกันห้ามไว้ได้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาควบคุมตัวไปดำเนินคดี
โดยระหว่างที่รอแพทย์เวรมาชันสูตรอยู่นั้น จนท.ตำรวจได้ให้กู้ภัยนำตัวนายสุดใจไปรักษาบาดแบลที่โรงพยาบาล และนายสุดใจพยายามที่จะขึ้นไปกราบขอขมาศพภรรยา แต่จนท.ตำรวจห้ามไว้ เกรงว่าจะคิดสั้นขึ้นมาอีก ขณะที่ลูก ๆ ก็ร้องไห้เสียใจที่พบเห็นภาพสลดเช่นนี้
ชมภาพวีดีโอ
[media id=160 width=480 height=360]