วันนี้(14 พ.ย.) นายประจักร อ้วนวิจิตร นักวิชาการพาณิชย์ สำนักงานการค้าภายในจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า จากปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบกับยอดจำนำข้าวเปลือก ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี54/55 อย่างมาก โดยยอดการนำข้าวเปลือกมาจำนำน้อยเมื่อเทียบกับฤดูการผลิตในช่วงเดียวกันก่อนหน้านี้ ซึ่งตามปกติช่วงเดือนพฤศจิกายน ควรเป็นช่วงที่ข้าวออกสู่ตลาด แต่นับจากเริ่มต้นโครงการฯวันที่ 7 ตุลาคม – 11 พฤศจิกายน 54 ชาวนาเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี54/55 จำนวน 7,719 รายได้นำข้าวมาจำนำในโรงสีที่ร่วมโครงการ เพียง 65,141 ตัน จากยอดผลผลิตข้าวที่ประเมินไว้ที่จะต้องนำข้าวมาจำนำของ จ.พิษณุโลก รวมทั้งหมด ประมาณ 887,000 ตัน เนื่องจากผลผลิตจะต้องรอการเก็บเกี่ยว
โดยในปีนี้ มีเกษตรกรแจ้งขึ้นทะเบียนผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจ ก่อนน้ำท่วม 1.7 ล้านไร่ และได้ปรับลดลงเพราะนาข้าวถูกน้ำท่วมเสียหาย 601,910 ไร่ เหลือเพียง1,120,653 ไร่ คำนวณผลผลิตเฉลี่ย 60 ถังต่อไร่ ประเมินยอดผลผลิตข้าวเปลือก 887,000 ตัน
นายประจักร กล่าวว่า จ.พิษณุโลก ไม่มีโรงสีข้าวได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ก็มีข้าวได้รับความเสียหายจากน้ำฝนที่ตกหนัก แต่ก็ไม่มากนัก ส่วนเรื่องการทุจริตสวมสิทธิ์และปัญหาใหญ่ที่ผิดปกตินั้นไม่มีแต่อย่างใด
มีรายงานจากแหล่งข่าวในวงการโรงสีข้าว จ.พิษณุโลก ตั้งข้อสังเกตว่า โครงการรับจำนำข้าว จ.พิษณุโลก ที่มีการน้ำขาวเปลือกออกมาจำนำน้อยกว่าปกตินั้น ส่วนหนึ่ง เกษตรกรได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขังเสียหายจริง ๆ แต่อีกส่วนหนึ่งพบว่ามีเกษตรกรบางรายหัวใส แจ้งขอรับความเสียหายจากน้ำท่วมนาข้าวไว้เพื่อขอรับสิทธิ์เงินชดเชย จึงนำข้าวออกมาจำนำไม่ได้ เพราะหวั่นเกรงถูกจับทุจริต เพราะปัจจุบันมีระบบการตรวจสอบเต็มรูปแบบหลังเกษตรกรขึ้นทะเบียนชาวนาไว้ ทำให้ต้องเก็บข้าวไว้ก่อนยังไม่นำข้าวออกมาจำนำช่วงนี้ ต้องรอรอบการผลิตที่จะเก็บเกี่ยวช่วงเดือนธันวาคม จึงจะเริ่มนำข้าวออกมาจำนำได้
ซึ่งก็คาดว่า ช่วงเดือนธันวาคมนี้ โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี54/55 ผลผลิตเกษตรกรจะออกมาอย่างเต็มรูปแบบ เกษตรกรสามารถนำข้าวมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำทั้ง 18 โรงสีในพื้นที่ 5 อำเภอ ของ จ.พิษณุโลก จนกระทั่งปิดโครงการรับจำนำในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 นี้
//