ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าการยึดหลักแนวเศรษฐกิจพอเพียง ของพ่อหลวงปวงชนชาวไทย นั้นถือว่าเป็นการยึดหลักดำเนินชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะทำให้คนเราไม่ต้องเดือดร้อน และที่สำคัญในยุคนี้
ลุงเยี่ยม หรือว่า นายเยี่ยม ตาเห็น อายุ 65 ปี และนางลำไย ตาเห็น อายุ 59 ปี เกษตรชาวตำบลบ้านป่า อ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งปัจจุบันได้หันมายึดอาชีพเลี้ยงไก่ไข่ และทำการเกษตรพอเพียง ตามแนวทางพระราชดำริ
โดยลุงเยี่ยมเล่า ว่าในช่วงก่อนหน้านี้ตนเองเคยทำอาชีพต่างๆมาหลากหลายอาชีพ โดยเฉพาะการเดินทางไปทำงานก่อสร้าง ยังต่างประเทศ ในตะวันออกกลางหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอิรัก อิหร่าน ลิเบีย หรือแม้กระทั่งซาอุดิอาราเบีย ก่อนที่จะกลับมายึดอาชีพทำนา เลี้ยงวัว แต่ในช่วงหลังมานี้ ก็ต้องเจอกับปัญหาการขาดทุนมาโดยตลอด แต่พอได้นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มาใช้และลงมือปฏิบัติจริง ก็ทำให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเลี้ยงไก่ไข่ ซึ่งนอกจากจะนำไข่ไก่มารับประทานแล้ว ที่เหลือก็นำไปขายเป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง ทุกๆวันในช่วงเช้าก็จะเก็บไข่ไปขายตลาดในตัวเมืองพิษณุโลก หรือไม่ก็มีลูกค้าประจำมารับถึงบ้าน ทำให้ปัจจุบันมีรายได้จากการจำหน่ายไข่ไก่ อยู่ที่ประมาณวันละ 200 – 250 บาท ต่อวัน
นอกจากนี้คุณป้าลำไยภรรยาของลุงเยี่ยมบอกว่า ไข่ไก่ของตนนั้นจะมีไข่แดงที่เข้มข้นกว่าไข่ไก่ในท้องตลาด ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากว่าคุณป้ามีเคล็ดลับในการเลี้ยงนั่นเอง ส่วนช่องทางการจำหน่ายในปัจจุบันก็นำไปจำหน่ายยังร้านค้าชุมชน และนอกจากการเลี้ยงไก่ไข่แล้ว ครอบครัวลุงเยี่ยมยังเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง ทำนา ปลูกพืชผักสวนครัว จนทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นในทุกวันนี้
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าชื่นชมไม่น้อย เนื่องจากลุงเยี่ยม และป้าลำไย ที่ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง และเพียงพอไม่ฟุ้งเฟื้อง ตามพระราชดำริ เกษตรพอเพียง
////