นางพิมล ปงกองแก้ว พาณิชย์จังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า การประชุมคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำระดับจังหวัดของจังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2554 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมี นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ในฐานะประธานอนุกรรมการฯ เป็นประธานในการประชุมได้มีการพิจารณาคุณสมบัติของโรงสีที่แจ้งความประสงค์ขอเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 กับรัฐบาล โดยจังหวัดพิษณุโลกมีโรงสีที่แจ้งความประสงค์ขอเข้าร่วมโครงการจำนวน 19 โรงสี
แยกเป็นร่วมโครงการกับ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จำนวน 8 โรง และร่วมโครงการกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) จำนวน 9 โรง ซึ่งที่ประชุมได้ให้การรับรองโรงสี จำนวน 18 โรง ส่วนโรงสีอีก 1 แห่ง คณะอนุกรรมการให้ไปปรับปรุงดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่กำหนด นอกจากนี้ยังมีสหกรณ์การเกษตรอีกหลายแห่งที่ได้แสดงความประสงค์ดำเนินการรวบรวมข้าวเปลือกจากสมาชิกเพื่อร่วมโครงการรับจำนำที่รัฐบาลได้กำหนดให้เริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2554 นี้ เป็นต้นไป ทั้งนี้จากจำนวนโรงสีที่เข้าร่วมโครงการเกือบ 20 โรงสี และสหกรณ์การเกษตรอีกหลายแห่งที่กระจายในพื้นที่ต่างๆ จะทำให้เกษตรกรมีความสะดวกในเรื่องของการขนส่งลำเลียงข้าวร่วมโครงการและจะทำให้ปัญหาอุปสรรคของกระบวนการรับจำนำลดลง
สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 จะเริ่มดำเนินการระหว่างวันที่ 7 ตุลาคม 2554 ถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 ส่วนภาคใต้ เริ่ม 1 กุมภาพันธ์ – 31 กรกฎาคม 2555 มีระยะเวลาการไถ่ถอน 4 เดือน นับจากเดือนที่รับจำนำ โดยกำหนดชนิดและราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปีแต่ละชนิด ณ ความชื้นไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ ดังนี้
– ข้าวเปลือกหอมมะลิ (42 กรัม) ราคาจำนำตันละ 20,000 บาท
– ข้าวหอมมะลิจังหวัด (40 กรัม) ,, 18,000 บาท
– ข้าวเปลือกปทุมธานี (42 กรัม) ,, 16,000 บาท
– ข้าวเปลือกเหนียว 10 % เมล็ดยาว ,, 16,000 บาท
– ข้าวเปลือกเหนียว 10 % เมล็ดสั้น ,, 15,000 บาท
– ข้าวเปลือกเจ้า 100 % ,, 15,000 บาท
– ข้าวเปลือกเจ้า 5 % ,, 14,800 บาท
– ข้าวเปลือกเจ้า 10 % ,, 14,600 บาท
– ข้าวเปลือกเจ้า 15 % ,, 14,200 บาท
– ข้าวเปลือกเจ้า 25 % ,, 13,800 บาท
ทั้งนี้ เกษตรกรผู้มีสิทธิร่วมโครงการรับจำนำจะต้องมีหนังสือรับรองเกษตรกรจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเป็นลูกค้า ธ.ก.ส. โดยข้าวเปลือกที่จะนำมาเข้าโครงการต้องเป็นข้าวเปลือกที่เกษตรกรเพาะปลูกเองในปีการผลิต 2554/55 และต้องมีหนังสือรับรองเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตรซึ่งผ่านการทำประชาคม และเกษตรกรลงชื่อรับรองตัวเองพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตร และปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงชื่อรับรองด้วย