วันที่ 27กันยายน2554 ที่ศูนย์บางระกำโมเดล หรือที่ว่าการอำเภอบางระกำ จ.พิษณุโลก นายวิรัตน์ แดงซิว อายุ 50 ปี ชาวบ้าน หมู่ 5 ต.บางระกำ อ.บางระกำ พร้อมด้วย ชาวบ้าน หมู่ 6 ตำบลบางระกำ หมู่ 15 ตำบลบางระกำ และหมู่ 5 และ หมู่ 10 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จำนวน 10 ราย ได้เดินทางเข้าพบนายธงชัย ทุ่งโพธิ์ทอง นายอำเภอบางระกำ เพื่อยืนหนังสือร้องขอความเป็นธรรมในกรณีที่ผู้นำท้องถิ่นเรียกเก็บเงินค่าชดเชยน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านรายละ 4,000-30,000 บาท แต่เนื่องจากนายอำเภอบางระกำติดภารกิจจึงได้มอบหมายให้นายวิรัตน์ หมกทอง ปลัดอำเภอ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้รับหนังสือร้องเรียนดังกล่าว
นายวิรัตน์ แกนนำผู้ที่นำหนังสือร้องเรียนมามอบให้นายอำเภอบางระกำเพื่อผ่านเรื่องดังกล่าวไปถึงนายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า ตนเองพร้อมชาวบ้านที่ได้ความเดือดร้อนจากน้ำท่วม ซ้ำร้ายยังถูกผู้นำชุมชนมาเรียกเก็บเงินค่าชดเชยน้ำท่วมอีก ตนอยากให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องไปไปตรวจสอบพฤติกรรมของนายสมศักดิ์ ถิ่นวงศ์แย ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ต.บางระกำ นายแจ้ง ชูวงศ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 15 ต.บางระกำ และนายชวลิต ยังเจริญ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 10 ต.ชุมแสงสงคราม โดยพฤติกรรมมีการเรียกรับผลประโยชน์จากประชาชนที่เดือดร้อนจากน้ำท่วม กรณีที่ชาวบ้านเป็นเกษตรถูกน้ำท่วมนาข้าวเสียหาย โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้ไร่ละ 2,222 บาท โดยพฤติกรรมของผู้ใหญ่บ้านทั้ง 3 คน มีพฤติกรรมเรียกเก็บเงินจากชาวบ้านรายละ 4,000- 30,000 บาท โดยอ้างว่าจะนำเงินดังกล่าวไปให้กับเกษตรอำเภอ และเกษตรตำบล
วันเดียวกันที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลางกลางจังหวัดพิษณุโลก กลุ่มชาวบ้านประมาณ 5 คนจาก ต.บางระกำ ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ เดินทางต่อมาร้องขอความเป็นธรรมในกรณีถูกหักค่าหัวคิวเป็นเงินสด ซึงจะต้องจ่ายให้ผู้นำชุมชน คือ ผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
นายเชาว์ พันเปี่ยม ชาวนาวัย 43 ปี บ้านเลขที่ 10/9 หมู่ 5 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ให้ถ้อยคำกับศูนย์ดำรงธรรมว่า ตนและชาวบ้านอีกหลายคน ได้จ่ายเงินให้กับ นายกานต์ ตำแหน่งผู้ชวยผู้ใหญบ้าน โดยมีผู้ช่วยอ้อตรับทราบว่า ตนได้รับแจ้งจากผู้ช่วยว่า เงินค่าน้ำท่วมไร่ละ 2 พันบาทโอนเข้าบัญชีธกส.แล้ว ตนจึงเบิกเงินสดมา 47,000 บาท และจ่ายเงินให้กับผู้ช่วยไป 4,400 บาท หรือ จำนวน 2 ไร่ เพราะผู้ช่วยโทรศัพท์เช็คเป็นรายตัวให้นำเงินมาจ่าย โดยอ้างว่า จ่ายให้กับจังหวัด ทำให้ตนก็ต้องจ่ายไป ทั้งๆที่ผ่านมา ผู้ใหญ่บ้านก็หักค่าหัวคิวแจ้งที่นาน้ำท่วมไปแล้ว เพราะตนปลูกข้าวไว้ 46ไร่ หักเหลือ 22 ไร่ ยืนยันว่า ไรนาของตนถูกน้ำท่วมทั้งหมด (ตามภาพ) แต่บังเอิญไม่ใช่พวกของผู้ใหญ่ จึงถูกตัดไปเหลือครึ่งเดียว เงินชดเชยที่ได้รับก็แค่ 22 ไร่ วันนี้ทนไม่ได้ เพราะยังมีเพื่อนบ้านยังไม่ได้จ่ายมาร้องขอความเป็นธรรม
เช่นเดียวกับ นายเชษฐ ชาวนาหมู่ 10 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ. ก็บอกลักษณะเดียวกันว่า ตนก็ปลูกข้าวไว้43 ไร่ ถูกน้ำท่วมทั้งหมด แต่พอไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านหลับถูกหักเหลือ 25 ไร่ ทำให้ได้รับน้อยกว่าความเป็นจริง แต่ตนยังไม่ได้จ่ายเงินสดที่ผู้ใหญ่บ้านเรียกเก็บคนละ 2 ไร่ หรือ 4,400 บาทถ้วน แม้กระทั่งได้ต่อรองลดเหลือเงิน 4 พันบาท เขาก็ไม่ให้ เขาอ้างว่า จ่ายเป็นค่าดำเนินการที่คนปลูกข้าว เมื่อทุกคนได้รับเงินชดเชยจากธกส.แล้ว ทันทีที่เงินโอนเข้าบัญชีในแต่ละคน จะมีคนโทรศัพท์ไปทวง
นางสุมาลี กลิ่นจันทน์ ชาวนาชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ ที่เดินทางมาร้องเรียนครั้งนี้ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ชาวบ้านทั้ง ต.ชุมแสงสงคราม ต.บางระกำ ต.คุยม่วง อ.บางระกำ ถูกหักค่าหัวคิดรายละ 2 ไร่ทุกคน เพียงแต่ไม่มีใครกล้าแสดงตัว เพราะทุกคนกลัวกันหมด ไม่ให้ข้อมูลความเป็นจริง หากลองไปถามผู้ใหญ่บ้านจริงๆ เขาก็ไม่ตอบ แต่เขารับเงินจากลูกบ้าน เพราะทุกครั้งทุกสมัย ผู้ใหญ่บ้านก็เก็บค่าหัวคิวคนละ 1 ไร่เป็นประจำ แต่มาครั้งนี้ เหมือนถูกซ้ำเติม เพราะน้ำท่วมหนักกว่าทุกปี ก็ยังดีหน่อยถ้าใครปลูกข้าวไม่ถึง 10 ไร่ ก็ไม่ต้องจ่ายค่าหัวคิว มาร้องวันนี้ก็เพื่อให้ศูนย์ดำรงธรรมตรวจสอบว่า เงินที่จ่ายไปรายละ 4,400 บาทเข้าจังหวัดส่วนไหน
นางลัดดา เขียวแจ่ม พร้อมสามี เกษตรกรชาวนาไทย บ้านเลขที่ 48/1 หมู่ 5 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ภาวะน้ำท่วมบางระกำปีนี้ ได้รับความช่วยเหลือภาครัฐดี คือมีถุงยังชีพถึง 3 ครั้ง และเพิ่งได้รับเงินชดเชยค่านาข้าวเสียหายไร่ละ 2,220 บาท ซึ่งตนปลูกข้าวจำนวน 20 ไร่ แต่ต้องแจ้งกับเกษตรอำเภอบางระกำไว้เพียง 18 ไร่ ถูกหัก(ตั้งแต่ตนทางหรือบ้านผู้ใหญ่)ไว้จำนวน 2 ไร่ ชาวบ้านทุกคนโดดหักเหมือนกันหมด ยิ่งถ้าใครปลูกพื้นที่มากๆ ก็จะถูกหักมากกว่า 2 ไร่เสียอีก ตนเพิ่งเช็คยอดเงินธนาคารเพื่อการเกษตร(ธกส.)เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2554 พบว่ามีเงินโอนเข้ามาในบัญชีจำนวน 39,900 บาท และจึงได้นำเงินไปซื้อเรือพลาสติกสีฟ้าลำละกว่า 4 พันบาท ส่วนการจ่ายเงินสดกับผู้นำชุมชนนั้นไม่ขอตอบดีกว่า
นายโกเมน ยังเจริญ ชาวบ้านหมู่ 5 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ เปิดเผยกรณีเงินชดเชยค่าข้าวน้ำท่วมอีกว่า ตนถูกหักเกินกว่า 2 ไร่ เพราะตนปลูกข้าวจำนวน 37 ไร่ แต่ถูกหักจนเหลือ 28 ไร่ ทางผู้ใหญ่บ้านและเกษตรตำบล บอกว่า เกษตรอำเภอหักในอัตราส่วน 10 ไร่ หัก 3 ไร่ เหลือแจ้งกับเกษตรตำบล 7 ไร่ ทำให้ตนเหลือที่ดินแจ้งปลูกข้าวน้ำท่วมเพียง 28 ไร่เท่านั้น ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ทราบว่า มีเงินโอนเข้าบัญชีธกส.เรียบร้อยแล้ว วันนี้ได้เงินมา ก็ซื้อน้ำมันดีเซล สูบน้ำออกเพื่อปลูกข้าวรอบใหม่ ส่วนที่ถูกหักค่าหัวคิวเป็นเงินสดหลังจากรับเงินธกส.แล้วนั้น ให้ไปถามผู้ใหญ่บ้านจะดีกว่า
นายชูชีพ วงศ์กันหา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า กรณีการแจ้งพื้นที่ค่าชดเชยน้ำท่วมข้าวนั้น ยืนยันว่า มีการหักออกจากพื้นที่ของลูกบ้านที่แจ้งไว้จริง ทั้งนี้ เกษตรตำบล เกษตรอำเภอระบุว่า ต้องแจ้งให้ต่ำ ลักษณะหัก” หัวไร่ปลายนา” เพื่อช่วยรัฐบาลเท่านั้น ยืนยันว่า จำนวนไร่ที่หักออกไปนั้น ก็ไม่ได้ไปไหน ผมก็ไม่ได้รับเกษตรตำบลก็ไม่ได้รับ เพราะรัฐบาลเขาโอนเข้าบัญชีธนาคารธกส.
ตัวเลขพื้นที่ปลูกข้าวซึ่งราษฎรแจ้งไว้ จำเป็นต้องหักนั้น ในอัตราส่วน 30% ก็ยกตัวอย่าง นาย ก.มีพื้นที่ปลูกข้าว 40 ไร่ จะต้องหักออกเหลือไว้รับเงินชดเชยประมาณ 28 ไร่ ทั้งนี้นาข้าวชาวบ้านที่แจ้ง เป็นข้าวเพิ่งตั้งท้องออกรวง สีเขียว ยังไม่แก่พอเก็บเกี่ยว อีกทั้งข้าวในท้องนาก็ไม่เสียหายทั้งหมด เก็บเกี่ยวไปได้บ้าง ที่ผ่านมาชาวบ้านหมู่ 5 มีจำนวน160 คน มีพื้นที่ปลูกข้าวเสียหายที่แจ้งกับอำเภอบางระกำแล้ว 4,700 ไร่ ส่วนตัวเลขที่แจ้งให้กับเกษตรตำบล (เพื่อขอรับเงินชดเชย) จำนวน 3,300 ไร่
———————————-