วันที่ 20 ก.ย.54 ที่โรงแรมวังแก้ว อำเภอเมืองพิษณุโลก นายนริศ ปิยพฤทธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้ร่วมกันแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนในจังหวัดพิษณุโลกในประเด็นที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะการป้องกันแก้ไขอุทกภัยและการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยในพื้นที่
นายบรรดิษฐ์ อินต๊ะ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดพิษณุโลก ได้ชี้แจงปริมาณน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ในขณะนี้มีอยู่ 96.28 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าปีที่ผ่านมา 23 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนมีปริมาณน้ำ 98.95 เปอร์เซ็นต์ มีน้ำไหลเข้าเขื่อนวันละ 38 ล้านลูกบาศก์เมตร และระบายออก วันละ 43 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยจะคงสภาพการระบายน้ำในระดับนี้ไปอีก 2 สัปดาห์ และจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำน่านที่ท่วมขังอยู่ทรงตัวต่อไปอีก โดยในวันนี้ระดับน้ำแม่น้ำน่านที่ไหลผ่านตัวเมืองพิษณุโลกอยู่ที่ 10.90 เมตร ซึ่งสูงกว่าจุดวิกฤติน้ำมากเมื่อปี 2538 อยู่ 39 เซนติเมตร
ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดพิษณุโลก ยืนยันว่า ทั้งเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีความแข็งแรงสูงมากแม้ว่าขณะนี้น้ำที่กักเก็บในเขื่อนจะมีปริมาณมากก็ตาม ที่ผ่านมาเกิดกระแสความหวาดวิตกว่าเขื่อนอาจจะรับปริมาณน้ำไม่ไหว จึงขอยืนยันว่าทั้ง 2 เขื่อนมีความแข็งแรงเกินร้อย โดยเฉพาะเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน โครงสร้างตัวเขื่อนสร้างด้วยหินใหญ่ผสมดินและดาดหน้าด้วยคอนกรีตซึ่งมีความแข็งแรงสูง นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือความปลอดภัยที่คอยตรวจจับพฤติกรรมความเปลี่ยนแปลงของเขื่อนในแต่ละวัน อีกทั้งวิศวกรเขื่อนคอยควบคุม 24 ชั่วโมง ฉะนั้นขอให้มั่นใจว่ามีความมั่นคงแข็งแรงเกินร้อย
นายบรรดิษฐ์ เผยต่อว่า เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ที่เก็บกักน้ำไว้ 102 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่าง ต้องเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อน จนปัจจุบันระดับน้ำในเขื่อนเหลือเพียง 96 เปอร์เซ็นต์ของความจุอ่าง และจะลดลงเรื่อย ๆ เฉลี่ยวันละ 57 ล้านลบ.ม. เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนจากร่องความกดอากาศที่จะพาดผ่านระหว่างวันที่ 20-23 กันยายน 2554
และจากการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ทำให้มีปริมาณน้ำลงมาซ้ำเติมในลุ่มน้ำน่าน ส่งผลให้ปริมาณน้ำแม่น้ำน่านที่ไหลผ่านเขตเทศบาลนครพิษณุโลก มีระดับสูง 10.90 เมตร เป็นระดับที่สูงที่สุดในรอบหลายสิบปีของปริมาณน้ำน่านที่เคยมีมา และจะทรงตัวเช่นนี้ต่อไปอีก 2 สัปดาห์ ซึ่งประมาณน้ำที่สูงอย่างต่อเนื่องได้ทะลักเอ่อล้นตลิ่งพร้อมไหลทะลักผ่านท่อระบายน้ำ ประกอบกับมีปริมาณน้ำฝนเข้ามาสมทบ ทำให้เกิดมีน้ำท่วมขัง