21.00 น.17 กันยายน 2554 สถานการณ์น้ำท่วมต.หัวรอ อ.เมืองพิษณุโลก ยังทรง ๆ และเพิ่มสูง ระดับน้ำท่วมขังใกล้เคียงกับช่วงเช้า แต่บางจุดระดับน้ำเพิ่มขึ้นบริเวรถ.ธรรมบูชา ประชาชนยังรอความหวังว่า จะสูบน้ำที่ท่วมขังออกไปได้โดยเร็วหรือไม่ สำหรับสาเหตุที่น้ำท่วมขังพื้นที่ต.หัวรออย่างสูงนั้น ทุกฝ่ายพุ่งเป้าไปที่จุดอ่อนในโรงทดเก่า หรือ หน่วยทหารพัฒนาที่ 34 เนื้อที่ 190 ไร่ ที่ขาดการทำแนวระวังกั้นแม่น้ำน่าน และไม่ให้ความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ ในการเข้าไปอุดจุดอ่อน จนกระทั่งแม่น้ำน่านเพิ่มสูง สภาพจึงเห็นต.หัวรออ่วมน้ำอย่างนี้
เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 54 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่แม่น้ำน่านไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ ในเขต ต.หัวรอ อ.เมืองพิษณุโลก ทำให้สถานที่ราชการทั้งโรงเรียน หน่วยราชการจำนวนมาก ตลอดทั้งสนามกีฬากลางพิษณุโลก บ้านเรือนประชาชน ตลอดร้านค้าจำนวนมาก ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายอย่างหนัก เนื่องจากกระแสน้ำที่ไหลทะลักจากแม่น้ำน่านนั้น ไหลมาจากด้านหลังหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 34 หรือ โรงงานทอผ้าเก่า โดยจุดที่น้ำทะลักเข้าท่วมอยู่ด้านหลังบริเวณบ่อบำบัดน้ำที่ใช้ช่วงเปิดเป็นโรงงานทอผ้า จำนวน 3-4 บ่อ มีกระแสน้ำจากแม่น้ำน่านไหลเข้าท่วมจนเต็มล้นทะลักออกจากบ่อบำบัดน้ำเสีย ก่อนจะไหลออกมาทางด้านหลัง โรงเรียนเตรียมอุดมภาคเหนือ จนทำให้น้ำท่วมโรงเรียนสูงระดับเมตรกว่า และไหลเข้าท่วมพื้นที่สนามกีฬากลางพิษณุโลกอย่างหนัก ก่อนกระแสน้ำจำนวนมากจะไหลออกสู่ถนนหน้าสนามกีฬากลางจังหวัด และไหลเข้าท่วมร้านค้าบ้านเรือน และไหลเข้าหมู่บ้านตลอดทั้งไหลท่วมรางรถไฟ
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ ทั้ง สจ. และ อบต. ตลอดทั้งชาวบ้านได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณ ที่พบว่าแม่น้ำน่านไหลทะลักเข้ามา โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตของ หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 34 ด้านหลัง แต่ไม่สามารถเข้าไปแก้ไขได้ เนื่องจากมีการสร้างรั้วและประตูเหล็กปิดเอาไว้ และเป็นที่หวงห้ามของทหาร ทาง ส.อบต.สุรศักดิ์ คัชมาตย์ และ ว่าที่ ร.ต. สจ.ประเชิญ เพชรจันทร์ ได้ประสานทางหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 34 พร้อมแจ้งให้นายนริศ ปิยพฤทธิ์ รองผู้ว่าราชการ จ.พิษณุโลก ทราบ เกี่ยวกับจุดและปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ ทางรองผู้ว่าได้สั่งการเร่งด่วน ให้เข้าไปแก้ไขในจุดที่น้ำทะลักอย่างเร่งด่วน โดยไม่ต้องมีหนังสือชี้แจงกับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 34 เพราะเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องเร่งแก้ไข เพราะประชาชนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง
วันเดียวกัน ทาง อบต.จึงได้ใช้รถแบ็กโฮ เปิดเส้นทางรั้วและประตูเหล็ก และปรับพื้นที่เป็นทางเข้าไป เนื่องจากจุดที่น้ำไหลทะลักเข้ามาอยู่ในป่าละเมาะ และมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมจำนวนมาก จุดแรกที่พบน้ำไหลทะลักเข้าไปในพื้นที่ คือจุดตรงบริเวณบ่อบำบัดน้ำเสียเก่า น้ำจากแม่น้ำน่านได้ไหลเข้าท่วมบ่อบำบัด ก่อนจะเอ่อล้นไหลไปทางโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคเหนือ และสนามกีฬากลางจังหวัด ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร พบจุดที่สำคัญมาก ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นจุดที่เชื่อมโดยตรงกับแม่น้ำน่าน มีความกว้างประมาณ 5-8 เมตร น้ำจากแม่น้ำน่านได้เข้าจากจุดนี้เป็นจุดแรก ก่อนจะไหลไปทางจุดที่เป็นบ่อบำบัดน้ำเสีย
จากการสอบถาม ทราบว่าบริเวณจุดที่น้ำเข้า ที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำน่านนั้น แต่ก่อนเป็นคันดินสูง ต่อมาทางหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 34 ได้มีการใช้เครื่องมือขุดดินออกลึกประมาณ 6 เมตร เพื่อวางท่อระบายน้ำ เนื่องจากเวลาฝนตกหรือมีน้ำท่วมขังภายในพื้นที่ทหารมากก็จะไหลลงสู่แม่น้ำน่านโดยตรง เพราะช่วงนั้นแม่น้ำน่านมีระดับน้ำต่ำกว่า หลังจากขุดวางท่อระบายเรียบร้อย ทางหน่วยทหารไม่ได้ถมดินให้สูงเหมือนเดิม และไม่ระบบเปิดปิดป้องกันน้ำจากแม่น้ำน่านไหลเข้ามาแต่อย่างใด กระทั่งระดับแม่น้ำน่านเพิ่มขึ้นสูง จึงทำให้กระแสน้ำไหลเข้าตรงจุดดังกล่าวเข้าท่วมบ่อบำบัด และล้นไหลเข้าท่วมพื้นที่สถานที่ราชการ และสนามกีฬากลางจังหวัดดังกล่าว
นางสำเนียง บัวมา อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47/230 ม.4 บ้านตาปะขาวหาย ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้บริเวณที่น้ำไหลทะลัก กล่าวว่า บริเวณดังกล่าวเป็นของทหาร ไม่มีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ เพราะมีรั้วและประเหล็กปิดอาไว้ และน้ำได้ไหลเข้าท่วมตั้งแต่ 3 วันที่ผ่านมา มีคนไปแจ้งทางทหารแล้วไม่ได้มาแก้ไขให้ กระทั่งเมื่อช่วงคืนที่สองน้ำมามาก เสียงน้ำไหลดังมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ทาง อบต.พึ่งจะเข้ามาดูแล แต่น้ำได้ไหลเข้าท่วมหมดแล้ว
รายงานแจ้งว่า เนื่องจากบริเวณพื้นที่ติดแม่น้ำในหน่วยทหารมีความยาวมาก ก่อนที่น้ำจะท่วม ในส่วนของต.หัวรอได้เตรียมการตั้งรับเท่าที่ทำได้ แต่ในเขตทหาร ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ ทหารขอทำเอง แต่ก้ไม่สามารถปิดจุดอ่อนช่วงน้ำไหลเข้าได้
ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจากพบจุดที่น้ำไหลทะลักท่วมเมือง ทาง อบต.ได้ใช้กระสอบกั้นเป็นแนวเอาไว้ บริเวณตรงบ่อบำบัดน้ำเสีย ส่วนจุดที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำน่านยังไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะมีความลึกและเครื่องมือเข้าไม่ถึง เนื่องจากพื้นที่เป็นโคลนดินอ่อน ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาลดระดับน้ำไหลออกไปได้ระดับหนึ่งเท่านั้น