วันที่ 12 กันยายน 2554 นายมนัส ทับแผลง กำนันตำบลชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เปิดเผยถึงความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมบางระกำว่า น้ำคงท่วมเอ่อตามปกติ แต่ที่เดือดร้อนซ้ำอีกคือ ผู้ใหญ่บ้านในตำบลชุมแสงสงครามรายหนึ่ง เรียกเก็บค่าหัวคิวในการรวบรวมรูปถ่ายที่ถูกน้ำท่วม จากลูกบ้านรายละ 100 บาท เป็นค่าดำเนินการเตรียมเบิกกับรัฐบาลที่ประกาศจ่ายหลังละ 5,000 บาท กระทั่งลูกบ้านนำเรื่องเก็บหัวคิวดังกล่าวมาฟ้องและนำเสนอต่อนายอำเภอบางระกำไป จนอำเภอบางระกำมีหนังสือเวียนกลับมาว่า สั่งห้ามผู้ใหญ่บ้านเรียกเก็บเงินจากลูกบ้าน ต้องคืนให้ชาวบ้าน แต่ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวยังคงเพิกเฉย ชาวบ้านกว่า 100 หลังคาเรือนที่จ่ายไป บางคนก็ไปแจ้งตำรวจที่สภ.ชุมแสงสงคราม แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ
“ผมว่า ไม่สมควรที่ผู้ใหญ่บ้านคนนี้มาเก็บค่าหัวคิว รวบรวมภาพถ่าย เพราะเป็นการซ้ำเติมชาวบ้าน แม้เงิน 100 บาท มองดูอาจจะไม่มาก แต่อย่าลืมว่า ชาวบ้านบางระกำไม่มีอาชีพ ไม่มีรายได้ นายข้าวสูญเสีย แถมยังเป็นหนี้เกือบทุกคน อย่าไปซ้ำเติมลูกบ้านจนเกินไป เรียกว่า ผู้ใหญ่ เอาทุกอย่าง แม้กระทั่ง น้องเมียผมก็จ่ายไปแล้ว ไปทวงคืนก็ไม่ให้ ผู้ใหญ่บ้านเพียงแค่ทำหน้าที่รวบรวมภาพถ่าย ไม่ใช่เดินถือกล้องไปถ่ายรูปบ้านน้ำท่วม แต่เขาอ้างว่า ไปพัฒนาหมู่บ้าน ซึ่งจริงๆแล้ว เวลานี้ น้ำท่วมเป็นเวิ้งไปหมด จะเอาเงินไปพัฒนาตรงไหน ถึงพัฒนาก็ต้องใช้เงินรัฐบาลมหาศาลกว่าจะฟื้นฟูบางระกำ” กำนันมนัส กล่าว
ฝ่ายบริหารองกรปกครองส่วนท้องถิ่นในอำเภอบางระกำรายหนึ่งให้ความเห็นว่า การจ่ายเงินค่าหัวคิวให้ผู้ใหญ่บ้านรายละ 100 บาทก็ทราบข่าว เงินร้อยบาทนั้น ผมคิดว่า แพงไป หากเป็นแค่ค่าอำนวยความสะดวกพบปฏิบัติกันก็รายละ 20-30 บาทเท่านั้นในการนำชี้บ้าน หรืออาจเป็นค่าปริ้นรูป แต่ถ้าผู้ใหญ่ทำหน้าที่เพียงรวบรวมข้อมูลนั้นก็ไม่สมควร สำหรับบทบาทหน้าของผู้ใหญ่บ้านคือ การนำชี้ ส่วนปลัดอบต หรือเจ้าหน้าที่ปกครองท้องถิ่นเป็นผู้ตรวจสอบอีกครั้ง