วันที่ 12 กันยายน 2554 สถานการณ์แม่น้ำน่านช่วงไหลผ่านอ.เมืองพิษณุโลก แม้ว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงสุดถึงระดับ 10.55 เมตร ทำลายสถิติแม่น้ำน่านสูงสุดเมื่อปี2538 ที่ระดับ 10.51 เมตร แต่ในเขตเทศบาลนครพิษณุโลกก็ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ด้วยการทำแนวกระสอบทรายป้องกันตลอดลำแม่น้ำน่านระยะทางยาวร่วม 10 กิโลเมตร ที่สามารถรับน้ำได้ระดับ 10.70 เมตร และวันที่ 11 กันยายนน้ำก้อนใหญ่ที่ไหลมาจากอ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ก็ไหลผ่านเมืองพิษณุโลกไปไม่ได้รับผลกระทบ
นายบรรดิษฐ์ อินต๊ะ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า แม่น้ำน่านช่วงไหลผ่านเมืองพิษณุโลกเพิ่มสูงสุดเมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 11 กันยายน ที่ระดับ 10.55 เมตร แต่เมืองพิษณุโลกก็ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมตลิ่ง เนื่องจากมีการเตรียมแนวทางรับมืออย่างดี และเมื่อวานนี้ ชลประทานและผวจ.พิษณุโลกได้ประสานขอให้เขื่อนสิริกิติ์ปรับการระบายน้ำลดลง เพื่อช่วยตัวเมืองพิษณุโลกแล้ว จากเดิม เขื่อนสิริกิติ์ระบายน้ำวันละ 65 ล้านลบ.ม. วันที่ 11 กันยายนได้ระบายลดลงเหลือวันละ 60 ล้านลบ.ม. และในวันที่ 13 จะค่อย ๆ ระบายน้ำลดลงเหลือวันละ 55 ล้านลบ.ม. ที่ขณะนี้เขื่อนสิริกิติ์มีน้ำกักเก็บแล้ว 95 %
ส่วนเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก มีน้ำกักเก็บแล้ว 899 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 95 % ยัลเหลือพื้นที่รับน้ำได้อีกประมาณ 40 ล้านลบ.ม.เท่านั้น และยังมีน้ำจากอ.ชาติตระการ อ.นครไทย ไหลเข้าเขื่อนแควน้อยวันละ 40 ล้านลบ.ม. แต่การระบายน้ำออกทำได้เพียง 12 ล้านลบ.ม.ต่อวันเท่านั้น เนื่องจากน้ำน่านช่วงเมืองพิษณุโลกมีระดับสูงมาก แต่หลังจากเขื่อนสิริกิติ์ปรับการระบายลดลง เขื่อนแควน้อยจะค่อย ๆ ระบายน้ำออกมา
นายบรรดิษฐ์ เผยต่อว่า ช่วงที่เมืองพิษณุโลกกำลังประสบปัญหาแม่น้ำน่านเพิ่มสูง ได้ใช้เขื่อนนเรศวรบริหารจัดการน้ำให้ไหลเข้าเมืองพิษณุโลกให้น้อยที่สุด โดยการผันน้ำออกคลองชลประทานและคลองเมม พี่น้องชาวอ.พรหมพิราม อ.กงไกรลาศ อ.บางระกำ และอ.เมืองพิษณุโลก ได้รับผลกระทบมากขึ้นจากการบริหารจัดการน้องเพื่อไม่ให้น้ำท่วมตัวเมืองพิษณุโลก ระยะต่อไปนี้ ยังต้องเฝ้าระวังอีกระยะหนึ่งสำหรับแม่น้ำน่าน เพราะยังมีฝนเป็นตัวแปรสำคัญ