บางระกำเรียกร้องสร้างเขื่อน
เวลา 09.30 น.ของวันที่ 6 ก.ย.2554 ที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลก กรรมาธิการการปกครอง วุฒิสภา และคณะอนุกรรมาธิการ นำโดยนายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ พร้อมคณะ ได้เดินทางมารับฟังและติดตามการทำงานตามโครงการบางระกำโมเดล ตามนโยบายของรัฐบาล ที่จะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มน้ำยม โดยมีนายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และนายสุวิทย์ วัชโรยางกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ร่วมการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานให้คณะกรรมาธิการฯ
สำหรับความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมของจังหวัดพิษณุโลก ได้มีขอขยายวงเงินเพิ่มเติมจากเงินทดรองราชการ 50 ล้านบาท เพื่อของบกลาง คือ นาข้าว 44,524.50 ไร่ พืชไร่ 829 ไร่ พืชสวน 1,267.50ไร่ เป็นเงิน 108,006,504 บาท เกษตรกรจำนวน 2,699 ราย
ทั้งนี้รายงานแก้ไขอุทกภัยของพิษณุโลก ในปี 2554 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 6 แสนไร่ 9 อำเภอ 80 ตำบล 652 หมู่บ้าน เสียชีวิต 5 ราย โดยอพยพราษฎรที่ถูกน้ำท่วม 153 ครัวเรือนและสร้างที่พักอาศัยชั่วคราวจำนวน 26หลัง พร้อมสนธิกำลังตำรวจ อ.ส,,อปพร.กว่า 5,000 นาย เพื่อเตรียมการ พร้อมเปิดศูนย์ call center 24 ชั่วโมง ซึ่งในระดับจังหวัดได้รับเรื่องร้องเรียน จำนวน 95 ครั้ง สนับสนุนเรือแก่ผู้ประสพอุทกภัยเพื่อใช้สัญจรไปมาจำนวน 314 ลำ สนับสนุนถุงยังชีพจำนวน 23,357 ชุด ( ณ. 1 ก.ย. 54) โดยประชาชนได้รับอย่างน้อยได้1 ชุด
สรุปการให้ความช่วยเหลือเงินทดรองราชการ 50 ล้านบาท กชภ.จ.อนุมัติ ครั้งที่ 9 (23ส.ค.54)1.อาหาร ที่อยู่อาศัย (สร้างที่พัก 26 หลัง) จัดการศพจำนวน 1,332,820บาท 2.การสาธารณสุข 467,636 บาท 3.ปศุสัตว์ 87,000 บาท4.กำจัดสิ่งกีดขวาง เปิดทางน้ำ น้ำมันเชื้อเพลิง 33,258,864 บาท5.ค่าเบี้ยเลี้ยงค่าตอบแทน 164,320 บาท รวม 35,310,640 บาท และกชภ.จ.อนุมัติ ครั้งที่ 10 (2 ก.ย.54)กำจัดสิ่งกีดขวาง 14,689,360 บาท รวม 50,000,000 บาท
อย่างไรก็ตามงบ 50 ล้านดังกล่าวยังไม่สามารถช่วยเหลือราษฎรเต็มที่ ซึ่งในการประชุม กชภ.จ.ครั้งที่ 10 ข้างต้น (2 ก.ย. 54) ได้มีการขยายวงเงินทดลองราชการเพิ่มเติม ด้านอาหาร ที่อยู่ จัดการศพ จำนวน 5,000,000 บาท สังคมสงเคราะห์ 6,372,000 บาท กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ 46,437,700 บาท ค่าเบี้ยเลียงและค่าตอนแทน 2,000,000 บาท รวมขอขยายวงเงิน 59,809,700 บาท
ส่วนการแก้ไขอุทกภัยของพิษณุโลก”บางระกำโมเดล”ที่ดำเนินการไปแล้ว คือ ให้ถุงยังชีพครบทุกครัวเรือน การใช้งบ 50 ล้านบาท สิ่งที่กรม กระทรวง ควรดำเนินการ คือ บรรจุโครงการ Water way สร้างอ่างเก็บน้ำเข้าไปในแผนชลประทาน และสุดท้าย คือ สิ่งรัฐบาล ส่วนกลางจะต้องดำเนินงานเร่งด่วน คือ อนุมัติขยายวงเงินให้จังหวัดละ 50 ล้านบาทเพื่อแก้ปัญหาประชาชน , แก้ไขลุ่มน้ำทั้งระบบ, สนับสนุนเงินชดเชยช่วยเหลือเกษตรกร, ปรับลด งด ขยายหนี้ของสถาบันการเงิน, ทำโครงการขนาดใหญ่เชื่อมหลายจังหวัด, เช่าพื้นที่เกษตรกรเพื่อทำแกล้มลิงในพื้นที่ชุ่มน้ำและสร้างเขื่อนลุ่มน้ำยม
นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการนำเสนอของผู้ว่าฯ ซึ่ง รมว.เกษตรฯ สั่งให้ชะลอการสร้างแก่งเสือเต้น ให้ทำเขื่อนขนาดกลาง บน-ล่าง ลุ่มน้ำยมแทน ส่วนการใช้เม็ดเงินข้างต้น วุฒิสภาจะช่วยผลักดันนำเสนอต่อรัฐบาล การสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นนั้นทราบว่า นพ.วิรัช ประธานศึกษาแก่งเสือเต้น ระบุว่า สมควรสร้างเขื่อนฯ แม้จะกระทบผืนป่าสักจำนวน 25,000 ไร่ และ 1,000 ครอบครัวที่เดือดร้อน เพราะว่า ในแต่ละปี รัฐบาลจะต้องสูญเงินงบประมาณเพื่อช่วยเหลืออุทกภัย 6-7หมื่นล้านบาท
นายบรรดิษฐ์ อินต๊ะ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า การสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น 1 แห่ง ความจุ 1,175 ล้านลูกบาศก์เมตร ใช้งบประมาณ 12,972 ล้านบาท พื้นที่ป่าเสียหาย 41,738 ไร่ ส่วนเขื่อนยมบน-ล่าง ความจุ 500 ล้านลูกบาศก์เมตรและ 166 ล้านลูกบาศก์เมตร รวม 2 เขื่อนจุน้ำได้ 666 ล้านลูกบาศก์เมตร ใช้งบประมาณ 14,728 ล้านบาท พื้นที่ป่าเสียหาย 21,000 ไร่
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุม นายสุวิทย์ วัชโรยางกูรและนายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าฯพิจิตรและพิษณุโลก ต่างให้ความเห็นว่า รัฐบาลควรต้องสร้างเขื่อนในลุ่มน้ำยมเพื่อให้ชลประทานบริการจัดการ ซึ่งพื้นที่ป่าสักที่ต้องสูญไปจากการสร้างเขื่อน 25,000 ไร่ ทั้ง 2 จังหวัด ขอเสนอว่า จะปลูกป่าสัก ทดแทน จังหวัดละ 2.5 หมื่นไร่ รวมเป็น 5 หมื่นไร่จะดีกว่า เพราะจะต้องมองผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก เพราะประเทศไทยคือ แหล่งผลิตข้าว
นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการนำเสนอของผู้ว่าฯ ซึ่ง รมว.เกษตรฯ สั่งให้ชะลอการสร้างแก่งเสือเต้น ให้ทำเขื่อนขนาดกลาง บน-ล่าง ลุ่มน้ำยมแทน ส่วนการใช้เม็ดเงินข้างต้น วุฒิสภาจะช่วยผลักดันนำเสนอต่อรัฐบาล การสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นนั้นทราบว่า นพ.วิรัช ประธานศึกษาแก่งเสือเต้น ระบุว่า สมควรสร้างเขื่อนฯ แม้จะกระทบผืนป่าสักจำนวน 25,000 ไร่ และ 1,000 ครอบครัวที่เดือดร้อน เพราะว่า ในแต่ละปี รัฐบาลจะต้องสูญเงินงบประมาณเพื่อช่วยเหลืออุทกภัย 6-7หมื่นล้านบาท
หลังจากกรรมาธิการการปกครอง วุฒิสภา และคณะอนุกรรมาธิการ รับฟังการรายงานสถานการณ์น้ำท่วมจากจังหวัดพิษณุโลก และพิจิตรและจะลงพื้นที่ตรวจสอบน้ำท่วมที่ อ.บางระกำ พร้อมทั้งจะรายงานให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรีต่อไป
แสดงความคิดเห็น