(โดย…คมดงเสือ)
หลังจากน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของจังหวัดพิษณุโลก ปีนี้ โดยเฉพาะ อ.บางระกำ อ.พรหมพิราม และ อ.เมืองบางส่วน แต่ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ถูกน้ำท่วม ก็ยังมีโอกาสเสมอในการดำรงชีวิตแต่ละวันได้เป็นอย่างดี และมีมาตลอด ถ้าสังเกต ดีๆแล้ว คำว่า “เปลี่ยนวิกฤติ เป็นโอกาส” ก็ยังมักใช้ได้เสมอทุกยุคทุกสมัย
น้ำท่วมปีนี้ก็เชื่อว่าทุกคนต่างขวนไขว่ ที่ต้องต่อสู้ไม่แพ้กัน สิ่งที่ดีใจไม่หาย เมื่อปีนี้นายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทั่วทุกภาคของประเทศ ด้วยการเริ่มต้นจาก อ.บางระกำ เป็นต้นแบบ จนกลายเป็นคำที่ฮิตติดหูของคนไทยในยุคนี้คือ “บางระกำโมเดล”
แต่ผมคงไม่เอ่ยคำว่า “บางระกำโมเดล” ไม่มากกว่านี้ เพราะว่าทุกคนก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกในครั้งนี้คือการพลิกวิกฤติเป็นโอกาสที่ดี คือ ชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมเขาได้หาปลา หาสัตว์น้ำที่กินเลี้ยงชีพในครอบครัว ที่เหลือก็นำมาขายสร้างรายได้ให้กับตนเอง นอกจากปลาแล้ว “งูเห่า” ที่หลายคนบอกว่าเลี้ยงไม่เชื่อง นั้น ขณะนี้กลายเป็นอาหารอร่อยให้กับชาวบ้านแม่ระหัน ต.บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก ที่หลังจากถูกน้ำท่วมมาแรมเดือน ที่ชาวบ้านไม่ได้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.สัตว์ป่าฯ หรืออะไรประมาณนี้ แต่ที่เขายึดถือการดำเนินชีวิตปกติ เพราะน้ำท่วม “งูเห่า” ออกมาเยอะมาก ชาวบ้าน เขา อาจทุบงูเหล่านี้ทิ้ง ก็ได้ แต่สิ่งที่ได้ประโยชน์มากกว่านั้น ก็เอามารับประทาน
รสชาติคงไม่ต้องพูดถึงหลายคนอาจเคยรับประทานกันบ้างแล้ว “ งูเห่าผัดเผ็ด” หลายคนบอกว่า อร่อย แต่ร้อนมาก หากได้กิน ถ้าเป็นสุภาพสตรีรับประทานแล้ว ก็จะทำให้เลือดลมดี (ผมไม่แน่ใจ)
วันที่ 27 ส.ค.54 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปทำข่าวที่บ้านแม่ระหัน อ.เมืองพิษณุโลก ทางกองพลทหารราบที่ 4 กองทัพภาคที่ 3 เขาได้ไปแจกถุงยังชีพช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และได้มีโอกาสไปดูตลาดชาวบ้าน (ตามสไตล์ผม ที่ชอบสำรวจของแปลกๆ ) เจอแกงผัดเผ็ดชาวบ้าน ที่ขายถุงละ 50 บาท ก็มากพอควร ผมถามพ่อค้าว่า “แกงอะไร” เขาบอกว่า “แกงงูเห่าผัดเผ็ด” ผมก็พอเข้าใจ แต่สิ่งที่น่าสนใจมากว่านี้คือ เขาหยิบงูเหล่า ที่ตายแล้ว แช่แข็ง! มาให้ผมดูด้วย “โอ้วพระเจ้า” ทำไมคิดว่าผมไม่เชื่อ ผมเชื่อแบบสนิทใจ ไม่คิดอย่างอื่นเลย
พ่อค้าคนดังกล่าว บอกว่า ตอนนี้งูเห่า ขายแบบเป็นๆ กิโล ละ 500 บาท แต่ถ้าตายแบบที่เห็นก็ 300 บาท.. ผมคิดว่าก็แพงมากถ้าเปรียบเทียบกับสินค้าอย่างอื่น และมีชาวบ้านหามาขายกันจำนวนมาก สร้างรายดีทีเดียวในช่วงนี้
สิ่งที่น่าตื่นเต้นไม่น้อย พ่อค้าที่ผมถามแบบซักไซ้ไร้เรียงนั้น เขาชวนผมกิน งูเห่าผัดเผ็ดที่ขายด้วยสิ เอาแล้วงัย! ท่านผู้อ่าน จะทำอย่างไรครับ ผมตอบได้เลย ต้องทำตามที่เขาชวน ผมคิดว่าจะเสียน้ำใจชาวบ้านได้ ผมหยิบช้อน แบบไม่รังเร แต่ใจสิ ไม่อยากกินเลย เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะว่า มันมีหนังงูเห่า ให้เราเห็นอยู่ด้วยในแกงจานนั้น สิ่งนี้มันทำให้ผมกินแกงผัดเผ็ดงูเห่า แบบว่า กลืนไม่ลง อีกทั้ง ขนลุกไปทั่วร่างกาย และตอบพ่อค้าคนนั้นไปว่า “อร่อยมาก” ผมไม่รู้ว่างูเห่า มันอร่อยตรงไหนหรอกครับ แต่รู้คือ คำว่า รักษาน้ำใจของคนไทยที่ประสบภัยน้ำท่วมครั้งนี้เป็นอย่างมาก แบบว่า ปฏิเสธไม่ได้ก็แล้วกัน
ถึงแม้ว่ามันจะอร่อย หรือ ไม่อร่อย ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่รู้ผมกับพี่ “กรรณิกาณ์ สิงหะ “ หรือ พี่กุ้ง มติชน และ ทีมข่าวพิษณุโลกฮอตนิวส์ ของเรา ต้องซื้อมากันคนละถุง เพื่อเอาไปฝากคนที่บ้าน ก็ดีครับ บางอย่างผมคิดว่า สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็นและได้ชิม และก็รู้ว่า นี้แหละ คำว่า “ชาวนากับงูเห่า” ที่แท้จริง ไม่ใช่ในนิทานที่ถูกเล่ามาตั้งแต่เด็กๆ ยังเล็กที่ผ่านมานั่นเอง
/////