บ.ในเครือเซ็นทรัลฯ “ไทวัสดุ”บุกงานรับเหมาก่อสร้างภาคเหนือตอนล่าง ทุ่มงบ 500 ล้านบา ทเปิดสาขาพิษณุโลกกลาง”สี่แยกอินโดจีน” เป็น 11 สค นี้ นับแห่งแรกที่เปิดสาขาในภูมิภาค 11 ส.ค.นี้ ตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่าเดือนละ 50 ล้านบาท
นางนิลุบล จิราพัฒนพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด, นายพงษ์ศิริ สกุลคู ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายปฏิบัติการบริษัท ซีอาร์ซีเพาเวอร์รีเทล จำกัด ร่วมกันแถลงข่าวสื่อมวลชนที่โรงแรมเรือนแพ จ.พิษณุโลก ถึงความพร้อม การเปิดตัว “ไทวัสดุ”ให้บริการ 11 สิงหาคมนี้
นางนิลุบล จิราพัฒนพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท ซีอาร์ซีเพาเวอร์รีเทล จำกัด กล่าวว่า พิษณุโลกถึงเป็นสาขาแรกในต่างจังหวัด หลัง”ไทวัสดุ”เปิดแห่งแรกที่บางบัวทอง ม.ค. 53 ตามด้วย สาขาสุขาภิบาล 3 และ บางนา กม.7 ในปี 54 การเปิดสาขาที่พิษณุโลกถือว่า บริษัทในเครือเซ็นทรัลได้วิเคราะห์และศึกษาตลาดงานก่อสร้างกำลังขยายตัว, เศรษฐกิจเติบโต และไม่ได้มองพิษณุโลกเพียงจังหวัดเดียว จังหวัดรอบข้างก็มีศักยภาพซึ่งถือเป็นเมืองบริวารรอบข้าง ในระยะทาง 100 กิโลเมตรถือเป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่ลูกค้าเดินทางมาใช้บริการสะดวกเพราะอยู่บริเวณสี่แยกอินโดจีน (ตัวเมืองฝั่งตะวันออก)
จึงควักเงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาท ซื้อที่ดินจำนวน 50 ไร่และก่อสร้างอาคารให้มีเนื้อที่ใช้สอย 30,000 ตารางเมตร รองรับที่จอดรถกว่า 400 คันพร้อมวางสินค้ากว่า 100,000 ชนิด ถือว่า ครบวงจร อันเป็นจุดขายของ”ไทวัสดุ “ภายใต้คอนเซปต์”ครบ ถูก ดี ที่ไทวัสดุ”เอาใจผู้รับเหมาและคนรักบ้าน โดยเน้นไปยังกลุ่มเป้าหมายหลักคือ เจ้าของบ้าน 55 % ผู้รับเหมา 30 % เจ้าของโครงการ 10 % และอื่นๆ สำหรับสินค้าประเภทโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เหล็ก( ม.อ.ก), ปูน, ยิบซั่ม, บล็อกคอนกรีต, ท่อพีวีซี ฯลฯ เน้นไปยังกลุ่มกลุ่มลูกค้าโครงการและกลุ่มช่าง
“ไทวัสดุ”ตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาด 4,000 ล้านบาทต่อปีในทุกสาขา จากตลาดวัสดุก่อสร้างทั่วประเทศมูลค่ากว่า 200,000 ล้านบาทต่อปี แรกๆตั้งเป้ายอดขายต่อเดือนสำหรับสาขาพิษณุโลกไว้เพียง 50-60 ล้านบาท โดยขอแชร์ส่วนแบ่งตลาดจากร้านค้าวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ไม่ต่ำกว่า 5 แห่ง ซึ่งยอมรับว่า เขามียอดขายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งรวมถึงยอดสินเชื่อไปด้วย ขณะที่ไทวัสดุเน้นขายเงินสด
นอกจากนี้เตรียมขยายสาขาทั่วประเทศในจังหวัดใหญ่ๆ ส่วนร้านวัสดุก่อสร้างรายเล็กๆ หรือ ร้านฮาร์แวร์ ก็สามารถมาซื้อสินค้าไทวัสดุ เพื่อนำไปขายต่อ เพราะไทวัสดุ ติดต่อสินค้าจากผู้ผลิตโดยตรง ทำให้สินค้าถูกทุกวัน ครบและหลากหลาย ตอบสนองโดยตรงกับเจ้าของบ้าน, กลุ่มผู้รับเหมา, โครงการบ้านจัดสรรและร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง และหลังเปิดสาขาพิษณุโลกในวันที่ 11 สิงหาคมแล้ว กันยายนนี้เตรียมเปิดสาขาที่ลำปาง ตามด้วยสาขาสมุทรสาคร, ชะอำและบุรีรัมย์ในปี 2554 นี้ ถือเป็นร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างแบบไม่ติดแอร์ ทำให้ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่เกิน 30 ไร่ รองรับสินค้าและลานจอดรถรองรับลูกค้าได้ไม่ต่ำกว่า 200 คัน เพราะถือว่า เป็นแหล่งรวมวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ต่าง ๆ สมบูรณ์แบบและครบวงจร
นอกจากสินค้าฮาร์ดแวร์, สี, เคมีภัณฑ์ อุปกรณ์ไฟฟ้า, ประปา ยังมีสินค้าประเภทโฮมเธียเตอร์ เครื่องเสียง เครื่องปรับอากาศ เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กกว่า 500 รายการ เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน รวมไปถึงสินค้าและอุปกรณ์การเกษตร อาทิ ปุ๋ยดินอินทรีย์ ฯลฯ กระถางจัดสวน ซึ่งรับมาจำหน่ายจากกลุ่มอาชีพท้องถิ่นและSMEs ในพื้นที่ต่างๆ ที่นำมาฝากขายกับไทวัสดุ
นางนิลุบล จิราพัฒนพงศ์ ผู้ช่วย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ย้ำว่า การเปิดไทวัสดุสาขาพิษณุโลกสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของจังหวัดพิษณุโลกและพื้นที่ใกล้เคียง และจ้างงานของคนในท้องถิ่นกว่า 300 อัตรา ยืนยันว่า พิษณุโลกมีศักยภาพในตลาดวัสดุก่อสร้าง ไม่เกี่ยวกับบริษัทในเครือเซ็นทรัล จะมาเปิดตัวห้างเซ็นทรัลปลายเดือนตุลาคมนี้ ริมถนนพิษณุโลก-สุโขทัย(ฝั่งตะวันตก) เพราะทีมงานได้ศึกษาวิจัยว่า ตลาดก่อสร้างเหนือล่างกำลังบูม นอกจากนี้ยังจัดโปรโมชั่นต่อเนื่อง โดยเฉพาะวันเปิดสาขา 12-13-14 ส.ค.นี้ได้จัดรายการสินค้าชิ้นละ 1 บาทสำหรับลูกค้าที่ซื้อของ 200 บาทขึ้นไป พร้อมส่งเสริมการขายบัตรด้วยการออกบัตรสมาชิกไทการ์ดใน 3 กลุ่มลูกค้าหลักเพื่อสะสมแต้ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทในเครือเซ็นทรัลของตระกูลจิราธิวัฒน์ทุ่มเงินกว่า 500 ล้านบาทเปิด”ไทวัสดุ”ร้านค้าวัสดุก่อสร้างใหญ่ที่สุดของจังหวัด ย่อมทำให้ร้านค้าวัสดุก่อสร้างรายใหญ่ของพิษณุโลกสะเทือนไปหมด ทั้ง เสาเอก, ชุณหทัย, โฮมแกรนด์, ศุภสิทธิ์, กวางเต็กล้ง, ไพโรจน์โลหะกิจ, ไทยดำรงพาณิชย์, ปีนัง รวมไปถึง”โฮมโปร, อินเด็กซ์ ”ยอดขายกำลังจะหดหาย เนื่องจากไทวัสดุ มาฟอร์มใหญ่ เน้นสินค้าถูกสั่งตรงจากผู้ผลิตครบวงจร ร้านฮาร์ทแวร์รายเล็กๆอาจต้องไปซื้อสินค้ามาจำหน่ายต่อ ขณะที่อีกฝากฝั่งของเมืองพิษณุโลก ปลายเดือนตุลาคมนี้ ห้าง”เซ็นทรัล”เตรียมเปิดตัวห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ 4 ชั้น บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ จ่อคิวยึดหัวหาด 2 มุมเมือง ทั้งระบบค้าปลีกและวัสดุก่อสร้าง